แนวโน้มและภาพรวมธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ปี 2567-2569 (ฉบับรวบรัด)
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าการลงทุนเฉลี่ยคิดเป็น 8% ของ GDP ในช่วงปี 2557-2566 อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นแรงสนับสนุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับประเทศ เช่น การสร้างงาน การกระจายรายได้ และการพัฒนาภูมิภาคต่าง ๆ
ในปี 2567-2569 ธุรกิจก่อสร้างคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 3.0-4.0% ต่อปี โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นและการขาดแคลนแรงงาน
บทความนี้จะนำเสนอแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมก่อสร้าง พร้อมกับปัจจัยที่ขับเคลื่อนและเหนี่ยวรั้งการเติบโตในช่วงปี 2567-2569 เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
แนวโน้มของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
1. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ในช่วงปี 2567-2569 การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเฉพาะโครงการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น
• รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
• ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3
• โครงการรถไฟทางคู่และมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างภูมิภาค
โครงการเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตในกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ ที่มีศักยภาพในการบริหารโครงการขนาดใหญ่
2. การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน
• ที่อยู่อาศัย : การลงทุนในโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ย 3.0-4.0% ต่อปี
• อาคารพาณิชย์ : เช่น ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว
• โรงงานอุตสาหกรรม : โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC* เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายกลุ่ม S-Curve**
*EEC (Eastern Economic Corridor) หมายถึง “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” เป็นพื้นที่ที่รัฐบาลไทยกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบิน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
**S-Curve หมายถึง “กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” ที่รัฐบาลส่งเสริมการลงทุน เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
3. การพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
• BIM* (Building Information Modeling) : ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบและลดระยะเวลาก่อสร้าง
• วัสดุก่อสร้างใหม่ : เช่น Prefabs** และเทคโนโลยี 3D Printing เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความยั่งยืน
• อาคารสีเขียว (Green Building) : การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะมีบทบาทมากขึ้น
*BIM (Building Information Modeling) หมายถึง “การสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการออกแบบและวางแผนการก่อสร้างให้แม่นยำขึ้น ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ
**Prefabs (Prefabricated Building Components) หมายถึง “ชิ้นส่วนก่อสร้างสำเร็จรูป” เช่น ผนังหรือพื้น ที่ผลิตในโรงงานและนำมาประกอบหน้างานก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างเร็วขึ้น ลดต้นทุน และลดของเสีย
Comments