สรุปรวม โอกาสและกลยุทธ์ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ปี 2567-2569
1. โอกาสทางธุรกิจในปี 2567-2569
1.1 โครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เช่น :
• โครงการในเขต EEC (Eastern Economic Corridor) : โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่คาดว่าการลงทุนจะเร่งตัวในปี 2568 หลังจากกระบวนการอนุมัติงบประมาณเสร็จสิ้น
• โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีความคืบหน้าแล้ว 73% ณ เดือนธันวาคม 2566 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570
• โครงการโลจิสติกส์อื่น ๆ เช่น โครงข่ายรถไฟทางคู่ (ระยะที่ 1 และ 2) และ ทางหลวงแผ่นดินทั่วประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 3.9 แสนล้านบาทในปี 2567
1.2 การเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรม
• โครงการบ้านจัดสรรและคอนโดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.0-4.0%ต่อปี โดยเฉพาะในเขตที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าและมอเตอร์เวย์
• การพัฒนาโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า และดิจิทัล
1.3 การลงทุนไปยังประเทศโดยรอบ
• ผู้รับเหมารายใหญ่ของไทยได้ขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว ซึ่งมีความต้องการด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน รถไฟ และโรงงาน
2. ความท้าทาย (Challenges)
2.1 การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด
• ผู้รับเหมารายใหญ่ มีส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 55% ของมูลค่ารวมในอุตสาหกรรม แม้จะมีจำนวนเพียง 0.7% ของผู้ประกอบการทั้งหมด
• กลุ่มผู้รับเหมาขนาดกลางและเล็ก มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานและต้นทุนที่เพิ่มสูง
2.2 การปรับตัวสู่ความยั่งยืน
• ความต้องการ Green Building เพิ่มสูงขึ้น โดยตลาดโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย9.5% ต่อปี ในช่วงปี 2566-2571
• ผู้รับเหมารายใหญ่มีความได้เปรียบ ในการปรับตัวด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2.3 การจัดการความเสี่ยง
• ปัญหาแรงงาน : ในปี 2565 อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยต้องการแรงงานประมาณ 1.32 ล้านคน แต่มีแรงงานในระบบเพียง 1.16 ล้านคน ส่งผลให้โครงการหลายแห่งล่าช้า
• ราคาวัสดุ เช่น เหล็กและคอนกรีต ยังคงทรงตัวสูงตามทิศทางราคาพลังงานในตลาดโลก
3. แนวทางพัฒนาธุรกิจ (Strategies for Growth)
3.1 การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
• ใช้ BIM (Building Information Modeling) เพื่อลดความผิดพลาดในการก่อสร้างและเร่งกระบวนการตัดสินใจ
• นำ Prefabs (ชิ้นส่วนสำเร็จรูป) มาใช้เพื่อลดเวลาและของเสียในกระบวนการก่อสร้าง
3.2 การบริหารต้นทุนและแรงงาน
• ลดต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ด้วยการสร้างเครือข่ายพันธมิตร เช่น การทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตวัสดุ
• ลงทุนในอุปกรณ์ ที่ช่วยลดการใช้แรงงาน เช่น โดรนก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าตลาดโลกจะเติบโต 15.4% ต่อปีในช่วงปี 2563-2570
3.3 การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
• ผู้ประกอบการขนาดเล็ก สามารถรับงานซับคอนแทร็กจากผู้รับเหมารายใหญ่ในโครงการของภาครัฐ
• การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขยายตลาด เช่น การก่อสร้างโรงงานและระบบโลจิสติกส์ในลาวและกัมพูชา
4. สรุปและข้อเสนอแนะ
ภาพรวม :
ธุรกิจก่อสร้างในปี 2567-2569 มีโอกาสเติบโตจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัว เฉลี่ย 3.5-4.0% ต่อปี และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคเอกชน แต่ยังเผชิญความท้าทายจากต้นทุนวัสดุที่เพิ่มสูงและแรงงานที่ขาดแคลน
ข้อเสนอแนะ :
• ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น BIM และ Prefabs เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
• สร้างพันธมิตรในตลาดประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มผู้ผลิตวัสดุเพื่อลดความเสี่ยงด้านต้นทุน
• พัฒนาความเชี่ยวชาญในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Green Building เพื่อรองรับความต้องการใหม่ในตลาด
5. คำถามและคำตอบ (FAQ)
Comments